ประวัติทีมลิเวอร์พูล

สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล

สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
The words "Liverpool Football Club" are in the center of a pennant, with flames either side. The words "You'll Never Walk Alone" adorn the top of the emblem in a green design, "EST 1892" is at the bottom.
ชื่อเต็มLiverpool Football Club
ฉายาThe Reds, หงส์แดง
ก่อตั้ง15 มีนาคม พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892)
สนามกีฬาแอนฟิลด์
(ความจุ: 45,276 คน[1])
เจ้าของFenway Sports Group
ประธานทอม วอร์เนอร์
ผู้จัดการเคนนี่ ดัลกลิช
ลีกเอฟเอ พรีเมียร์ลีก
2010-11ที่ 6
สีชุดทีมเหย้า
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (อังกฤษ: Liverpool Football Club) เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทีมหนึ่งในฟุตบอลอังกฤษ ลิเวอร์พูลครองแชมป์ดิวิชั่น 1 ถึง 18 ครั้ง ครองแชมป์ยูโรเปียนคัพ 5 ครั้ง ก่อตั้งใน วันที่ 15 มีนาคม ปี พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรหนึ่งในกลุ่มจี-14 มีฉายาในภาษาไทยว่า "หงส์แดง" พร้อมด้วยคำขวัญ "You'll Never Walk Alone"

[แก้] ประวัติสโมสร

จอห์น โฮลดิ้ง นักธุรกิจชาวเมืองลิเวอร์พูลได้เช่าพื้นที่บริเวณ แอนฟิลด์ โรด เพื่อใช้สร้างสนามฟุตบอล และเมื่อสร้างเสร็จได้ให้สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เช่าเป็นสนามแข่ง และเมื่อทีมเอฟเวอร์ตันได้เข้าสู่สมาชิกฟุตบอลลีก จอห์น โฮลดิ้ง พยายามจะเข้าไปบริหารงานในทีมเอฟเวอร์ตันและได้เพิ่มค่าเช่าสนามที่ทีมได้เช่าอยู่ ฝ่ายกลุ่มบริหารของเอฟเวอร์ตันจึงยกเลิกสัญญาเช่าสนาม และทีมเอฟเวอร์ตันได้ย้ายสนามไปอีกฝากของสวนสาธารณะ สแตนลี่ย์พาร์ค เพื่อไปสร้างสนามเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อสนามว่า กูดีสันพาร์ก ดังนั้น จอห์น โฮลดิ้ง จึงต้องการสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมา และ จอห์น โฮลดิ้ง จึงไปชวนเพื่อนสนิทของเขาชื่อ จอห์น แมคเคนน่า มาทำหน้าที่ประธานสโมสรและได้ตั้งชื่อทีมฟุตบอลนี้ว่า Liverpool Football Club

สนามแอนฟิลด์
หลังจากที่สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งได้ไม่นาน ได้จัดการแข่งขัดนัดอุ่นเครื่อง ซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมลิเวอร์พูลกับทีมร็อตเตอร์แฮม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมลิเวอร์พูลชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 7-1 และลิเวอร์พูล ได้ลงแข่งขันฟุตบอลลีกของแคว้น แลงคาเชียร์ ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกซึ่งได้รับการยอมรับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 สโมสรจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด (Liverbird) ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางในฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลสโบรซ์ ไอโรโนโปลิส และทีมลิเวอร์พูลสามารถได้แชมป์มาครองโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ (ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน) และลงแข่งขันที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในที่สุด
สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2435 และก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรแนวหน้าของอังกฤษอย่างรวดเร็วจนประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ลีกสูงสุดชองประเทศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2444 (ฤดูกาล 1900/01) และครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2449 (ฤดูกาล 1905/06) ครั้งที่ 3 และ 4 เป็นแชมป์สองฤดูกาลติดใน พ.ศ. 2465 กับ พ.ศ. 2466 (ฤดูกาล 1921/22 กับ 1922/23) แชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 5 คือปี พ.ศ. 2490 (ฤดูกาล 1946/47) อย่างไรก็ตามลิเวอร์พูลพบกับช่วงตกต่ำต้องไปเล่นในในดิวิชัน 2 ใน พ.ศ. 2497 (ฤดูกาล 1953/54) ภายหลังจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสโมสรในปี พ.ศ. 2502 สโมสรได้แต่งตั้ง บิลล์ แชงก์คลี เป็นผู้จัดการทีม เขาได้เปลี่ยนแปลงทีมไปอย่างมาก จนประสบความสำเร็จได้เลื่อนชั้นในปี พ.ศ. 2505 (ฤดูกาล 1961/62) และได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้งใน พ.ศ. 2507 (ฤดูกาล 1963/64) หลังจากรอคอยมานานถึง 17 ปี บิล แชงก์ลี คว้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นถ้วยแรกของสโมสรลิเวอร์พูลในปี พ.ศ. 2508 (ฤดูกาล 1964/65) และคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 อีกครั้งในฤดูกาลต่อมา พ.ศ. 2509 (ฤดูกาล 1965/66) ความสำเร็จของแชงก์ลียังเดินหน้าต่อไป เมื่อลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ พร้อมแชมป์ดิวิชั่น 1 ใน พ.ศ. 2516 (ฤดูกาล 1972/73) และเอฟเอคัพ อีกครั้งใน พ.ศ. 2517 (ฤดูกาล 1973/74) หลังจากนั้นบิลล์ แชงก์คลีขอวางมือจากสโมสร โดยให้ผู้ช่วยของเขาสืบทอดตำแหน่ง ผู้จัดการทีมแทน นั่นคือ บ็อบ เพสส์ลี่
สโมสรต้องประสบกับความซบเซาในช่วงหนึ่งหลังจากได้แชมป์ลีกสูงสุดในปี พ.ศ. 2533 คือได้เพียงเอฟเอคัพ 1 ใบ ปี พ.ศ. 2535 กับลีกคัพ 1ใบในปี พ.ศ. 2538 แต่ก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์บอลถ้วยทั้งในระดับประเทศและระดับทวีปถึง 3 แชมป์ (คาร์ลิ่ง ลีกคัพ, เอฟเอคัพ รวมทั้งยูฟ่าคัพ) ได้ในปี พ.ศ. 2544 (ฤดูกาล 2000/01) ในปี 2544 นี้ลิเวอร์พูลยังคว้าถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพที่เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปีนั้น รวมทั้งเอาชนะแมนฯยูฯคู่ปรับตัวฉกาจในถ้วยแชริตี้ชิลด์ก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่หอมหวานปีหนึ่งของกองเชียร์ลิเวอร์พูล นักเตะสำคัญยุคนั้นได้แก่ ไมเคิล โอเวน, เอมิล เฮสกี้, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซามี ฮูเปีย และ ยอร์น อาร์เน่ รีเซ่ เป็นต้น ทีมชุดนี้ผู้จัดการทีมคือ เชร์รา อุลลิเย่ ชาวฝรั่งเศส ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันส่งท้ายของอุลลิเย่คือ การนำทีมลิเวอร์พูลชนะแมนฯยูฯ 2-0 ในนัดชิงฟุตบอลลีกคัพ พ.ศ. 2546 (ฤดูกาล 2002/03) แชมป์ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของลิเวอร์พูลคือปี 2548 ชนะในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งที่ 5 ของสโมสร ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ตื่นตาตื่นใจครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์บอลยุโรป เมื่อลิเวอร์พูลไล่ตีเสมอทีมเอซี มิลาน เป็น 3-3 ทั้งที่โดนยิงนำไปก่อนถึง 3-0 และในที่สุดคว้าแชมป์มาได้จากการยิงจุดโทษชนะ 3-2 เป็นทีมจากอังกฤษที่ครองถ้วยยูโรเปียนคัพ (ปัจจุบันคือ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) มากครั้งที่สุดถึง 5 สมัย ผู้เล่นที่สำคัญในยุคนั้น อาทิ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อาลอนโซ, ดีทมา ฮามันน์, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์, เจอร์ซี่ ดูเด็ค และ เจมี คาร์ราเกอร์ คุมทัพโดย ผู้จัดการทีมสัญชาติสเปน ราฟาเอล เบนิเตซ ในฤดูกาลต่อมา พ.ศ. 2549 (ฤดูกาล 2005/06) ลิเวอร์พูลของเบนิเตซทำให้แฟนบอลต้องลุ้นอีกครั้ง ในนัดชิงเอฟเอคัพ เมื่อต้องอาศัยลูกยิงมหัศจรรย์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บตีเสมอทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คู่ชิงแชมป์ในปีนั้นทำให้เสมอกันที่ 3-3 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการยิงจุดโทษอีกครั้ง และลิเวอร์พูลก็สามารถชนะไปได้ 3-1 เป็นแชมป์สำคัญรายการล่าสุดที่ลิเวอร์พูลทำได้ แต่รายการที่แฟนบอลต้องการมากที่สุดคือแชมป์ลีกของประเทศ หรือพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน ซึ่งปีล่าสุดที่ลิเวอร์พูลคว้ามาได้คือ พ.ศ. 2533 (ฤดูกาล 1989/90) จากการคุมทีมของ เคนนี ดัลกลิช ซึ่งต่อมาภายหลังดัลกลิสสามารถนำ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในปี พ.ศ. 2538 (ฤดูกาล 1994/95)
สนามปัจจุบันของสโมสรคือ แอนฟิลด์ มีความจุ 45,362 คน ในขณะเดียวกันสนามใหม่กำลังถูกวางแผนก่อสร้างในสวน สแตนลีย์พาร์ก ความจุประมาณ 60,000 อยู่ในระหว่างการเจรจาระหว่างเจ้าของและทางเอชเคเอส สำนักงานสถาปนิกอเมริกัน [2]


[แก้] ชุด


ประวัติชุดทีมเหย้า
(1892–96) [3]
(1896-07) (1910-34)
(1907-1910) (1934-36) (1944-45)
(1936-40) (1945-59)
(1959-64)
(1964-ปัจจุบัน)

ช่วงเวลาชุดที่ใช้ผู้สนับสนุน
1973–85Umbroไม่มี
1979–82Hitachi
1982–88Crown Paints
1985–96Adidas
1988–92Candy
1992–2010Carlsberg
1996–2006Reebok
2006–Adidas
2010–2012Standard Chartered
2012–Warrior

[แก้] ชุดที่ใช้

[แก้] ผู้สนับสนุน

[แก้] ที่มาของ The Kop


ด้านหน้าอัฒจันทร์ฝั่ง เดอะ ค็อป
เดอะ ค็อป เป็นชื่อที่ใช้เรียกตามชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งใน นาทาล ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งคนท้องถิ่นจะรู้จักกันในนาม สปิออน ค็อป โดยเกิดเหตุการณ์การทำสงครามบัวร์ขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1900 อังกฤษได้ส่งทหารไปกว่า 300 นาย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล แต่แล้วในสงครามนั้นเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นคือ อังกฤษได้เสียทหารไปเกินกว่าครึ่ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น นักข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเดลี่โพสต์ ชื่อ เออร์เนสต์ เอ็ดเวิร์ตส์ จึงเสนอชื่อ สปิออน ค็อป ตามชื่อของเนินเขาลูกนั้น เป็นชื่อของอัฒจันทร์หลังประตูในการสร้างสนามใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นเกียรติในความกล้าหาญของทหารอังกฤษทั้ง 300 นาย ซึ่งต่อมาอัฒจันทร์แห่งนี้ได้กลายอัฒจันทร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของฟุตบอลแห่งหนึ่ง. ในปี ค.ศ. 1928 ได้มีการต่อเติมอัฒจันทร์แห่งนี้ใหม่ และเมื่อใดเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลของทีมลิเวอร์พูลขึ้น คนที่ไปดูการแข่งขันของทีมบนอัฒจันทร์จะเรียกตัวเองว่า เดอะ ค็อป (The Kop) และแล้วจากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่สนามฮิลส์โบโร่ ในปี ค.ศ. 1989 ซึ่งเกิดการถล่มของอัฒจันทร์ขึ้น ในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ กับ นอร์ทติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 96 คน จึงมีคำสั่งให้ทุกสนามเปลี่ยนจากอัฒจันทร์ยืนเป็นแบบนั่งทั้งหมด และนั่นเป็นการปิดฉากของอัฒจันทร์ สปิออน ค็อป อัฒจันทร์แบบยืนที่มีความยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีอัฒจันทร์ใหม่ขึ้นมาและใช้ชื่อว่า นิว ค็อป ซึ่งความหมายต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม แม้ชื่ออัฒจันทร์จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม นิว ค็อป ยังคงมีกลิ่นอายของประวัติเหล่านั้นอยู่เต็มเปี่ยม โดยปกติแล้วเมืองลิเวอร์พูลจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่รายล้อมอยู่บนทุกๆที่ไม่ว่าจะถนนสายไหน

[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

ณ วันที่ 31 มกราคม 2012[4]

[แก้] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

Note: ธงชาติที่ปรากฎบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
หมายเลขตำแหน่งผู้เล่น
1ธงชาติของออสเตรเลียGKแบรด โจนส์
2ธงชาติของอังกฤษDFเกล็น จอห์นสัน
3ธงชาติของสเปนDFโคเซ เอนรีเก
5ธงชาติของเดนมาร์กDFดาเนียล แอ็กเกอร์
6ธงชาติของบราซิลDFฟาบีโอ เอาเรลีโอ
7ธงชาติของอุรุกวัยFWหลุยส์ ซัวเรซ
8ธงชาติของอังกฤษMFสตีเฟน เจอร์ราร์ด (กับตันทีม)
9ธงชาติของอังกฤษFWแอนดี คาร์โรลล์
11ธงชาติของอาร์เจนตินาMFมักซี โรดริเกวซ
14ธงชาติของอังกฤษMFจอร์แดน เฮนเดอร์สัน
16ธงชาติของอุรุกวัยDFเซบาสเตียน โคอาเตส
18Flag of the NetherlandsFWเดิร์ค เคาท์
19ธงชาติของอังกฤษMFสจวร์ต ดาวนิง
20ธงชาติของอังกฤษMFเจย์ สเพียริง
21ธงชาติของบราซิลMFลูคัส เลวา
หมายเลขตำแหน่งผู้เล่น
23ธงชาติของอังกฤษDFเจมี คาร์ราเกอร์ (รองกัปตันทีม)
25ธงชาติของสเปนGKเปเป เรนา
26ธงชาติของสกอตแลนด์MFชาร์ลี อดัม
30ธงชาติของสเปนFWเฟอร์นันเดส ซูโซ
31ธงชาติของอังกฤษMFราฮีม สเตอริง
32ธงชาติของบราซิลGKโดนี
33ธงชาติของอังกฤษMFจอนโจ เชลวีย์
34ธงชาติของอังกฤษDFมาร์ติน เคลลี
35ธงชาติของอังกฤษDFคอเนอร์ โคดี
37ธงชาติของสโลวาเกียDFมาร์ติน ชเกอร์เตล
38ธงชาติของอังกฤษDFจอห์น ฟลานาแกน
39ธงชาติของเวลส์FWเคร็ก เบลลามี
47ธงชาติของอังกฤษDFอังเดร์ วิสดอม
49ธงชาติของอังกฤษDFแจ็ก โรบินสัน

[แก้] ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว

Note: ธงชาติที่ปรากฎบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
หมายเลขตำแหน่งผู้เล่น
4ธงชาติของอิตาลีMFอัลแบร์โต อากวิลานี (ไปสโมสร Milan)
10ธงชาติของอังกฤษMFโจ โคล (ไปสโมสร Lille)
12ธงชาติของสเปนFWดาเนียล ปาเชโก (ไปสโมสร Atlético Madrid)
22ธงชาติของสกอตแลนด์DFแดนนี วิลสัน (ไปสโมสร Blackpool)
หมายเลขตำแหน่งผู้เล่น
42ธงชาติของอังกฤษMFเดวิด อามู (ไปสโมสร Bury)
44ธงชาติของอังกฤษDFสตีเฟน ดาร์บี (ไปสโมสร Rochdale)
45ธงชาติของฮังการีGKปีเตอร์ กูลัคชี (ไปสโมสร Hull City)
Flag of the United StatesFWวิลยาน บิเยบ (ไปสโมสร Fortuna Düsseldorf)

[แก้] อดีตผู้เล่น

สำหรับรายละเอียดของอดีตผู้เล่น, ดูที่ รายชื่ออดีตผู้เล่นของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และ หมวดหมู่:ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล

[แก้] บุคคลสำคัญในสโมสร

ลิเวอร์พูล ฟุตบอล และ แอธเลททิค กราดส์ ลิมิตเต็ด[5]
  • เจ้าของ: John W. Henry
  • ประธาน: Tom Werner
  • รองประธาน: David Ginsberg
  • กรรมการผู้จัดการ: Ian Ayre
  • หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน: Philip Nash
สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
  • ผู้อำนวยการ: John W. Henry, Tom Werner, David Ginsberg, Ian Ayre, Philip Nash, Michael Gordon, Jeffrey Vinik
  • ผู้อำนวยการฟุตบอล: Damien Comolli
  • เลขานุการสโมสร: Ian Silvester
  • กรรมการฝ่ายดำเนินการ: Andrew Parkinson
  • หัวหน้าคนดูแลสนามกีฬา: Terry Forsyth
  • ผู้จัดการเกี่ยวกับสนาม: Ged Poynton
  • โฆษก: Ian Cotton
ผู้ฝึกสอนและทีมแพทย์[6]

[แก้] ผู้จัดการทีม

ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012
<><>
ชื่อสัญชาติตั้งแต่ถึงแข่งชนะเสมอแพ้% ชนะ[A]เกียรติประวัติหมายเหตุ
บาร์คเลย์, วิลเลียมวิลเลียม บาร์คเลย์
แม็คเคนนา, จอนห์จอนห์ แม็คเคนนา
ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ
Flag of Ireland ไอร์แลนด์
01892-02-15 15 กุมภาพันธ์ 189201896-08-16 16 สิงหาคม 1896&&&&&&&&&&&&0131.&&&&&0131&&&&&&&&&&&&&080.&&&&&080&&&&&&&&&&&&&020.&&&&&020&&&&&&&&&&&&&031.&&&&&031&&&&&&&&&&&&&061.&7000061.071 Lancashire League championship, 2 Division Two championships[7][B]
วัตสัน, ทอมทอม วัตสันธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01896-08-17 17 สิงหาคม 189601915-05-06 6 พฤษภาคม 1915&&&&&&&&&&&&0742.&&&&&0742&&&&&&&&&&&&0329.&&&&&0329&&&&&&&&&&&&0141.&&&&&0141&&&&&&&&&&&&0272.&&&&&0272&&&&&&&&&&&&&044.34000044.342 Division One championships[8]
แอชเวิร์ธ, เดวิดเดวิด แอชเวิร์ธธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01919-12-18 18 ธันวาคม 191901923-02-12 12 กุมภาพันธ์ 1923&&&&&&&&&&&&0138.&&&&&0138&&&&&&&&&&&&&070.&&&&&070&&&&&&&&&&&&&040.&&&&&040&&&&&&&&&&&&&028.&&&&&028&&&&&&&&&&&&&050.72000050.721 Division One championship[9]
แม็คควีน, แม็ตแม็ต แม็คควีนธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์01923-02-13 13 กุมภาพันธ์ 192301928-02-15 15 กุมภาพันธ์ 1928&&&&&&&&&&&&0229.&&&&&0229&&&&&&&&&&&&&093.&&&&&093&&&&&&&&&&&&&060.&&&&&060&&&&&&&&&&&&&076.&&&&&076&&&&&&&&&&&&&040.61000040.611 Division One championship[10]
แพ็ตเธอร์สัน, จอร์จจอร์จ แพ็ตเธอร์สันธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01928-03-07 7 มีนาคม 192801936-08-06 6 สิงหาคม 1936&&&&&&&&&&&&0366.&&&&&0366&&&&&&&&&&&&0137.&&&&&0137&&&&&&&&&&&&&085.&&&&&085&&&&&&&&&&&&0144.&&&&&0144&&&&&&&&&&&&&037.43000037.43[11]
เคย์, จอร์จจอร์จ เคย์ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01936-08-06 6 สิงหาคม 193601951-01 มกราคม 1951&&&&&&&&&&&&0357.&&&&&0357&&&&&&&&&&&&0142.&&&&&0142&&&&&&&&&&&&&093.&&&&&093&&&&&&&&&&&&0122.&&&&&0122&&&&&&&&&&&&&039.78000039.781 Division One championship[12]
เวลช์, ดอนดอน เวลช์ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01951-03-23 23 มีนาคม 195101956-05-04 4 พฤษภาคม 1956&&&&&&&&&&&&0232.&&&&&0232&&&&&&&&&&&&&081.&&&&&081&&&&&&&&&&&&&058.&&&&&058&&&&&&&&&&&&&093.&&&&&093&&&&&&&&&&&&&034.91000034.91[13]
เทเลอร์, ฟิลฟิล เทเลอร์ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01956-05 พฤษภาคม 195601959-11-17 17 พฤศจิกายน 1959&&&&&&&&&&&&0150.&&&&&0150&&&&&&&&&&&&&076.&&&&&076&&&&&&&&&&&&&032.&&&&&032&&&&&&&&&&&&&042.&&&&&042&&&&&&&&&&&&&050.67000050.67[14][15]
แชงค์ลีย์, บิลล์บิลล์ แชงค์ลีย์ธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์01959-12-01 1 ธันวาคม 195901974-07-12 12 กรกฎาคม 1974&&&&&&&&&&&&0783.&&&&&0783&&&&&&&&&&&&0407.&&&&&0407&&&&&&&&&&&&0198.&&&&&0198&&&&&&&&&&&&0178.&&&&&0178&&&&&&&&&&&&&051.98000051.983 Division One championships, 4 Charity Shields 2 FA Cups, 1 UEFA Cup, 1 Division Two championship[16]
เพสลีย์, บ๊อบบ๊อบ เพสลีย์ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01974-08-26 26 สิงหาคม 197401983-07-01 1 กรกฎาคม 1983&&&&&&&&&&&&0535.&&&&&0535&&&&&&&&&&&&0307.&&&&&0307&&&&&&&&&&&&0132.&&&&&0132&&&&&&&&&&&&&096.&&&&&096&&&&&&&&&&&&&057.38000057.386 Division One championships, 5 Charity Shields, 3 Football League Cups, 3 European Cups, 1 European Super Cup, 1 UEFA Cup[17]
เฟแกน, โจโจ เฟแกนธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01983-07-01 1 กรกฎาคม 198301985-05-28 28 พฤษภาคม 1985&&&&&&&&&&&&0131.&&&&&0131&&&&&&&&&&&&&070.&&&&&070&&&&&&&&&&&&&037.&&&&&037&&&&&&&&&&&&&024.&&&&&024&&&&&&&&&&&&&053.44000053.441 Division One championship, 1 European Cup, 1 Football League Cup[18]
ดัลกลิช, เคนนีเคนนี ดัลกลิชธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์01985-05-30 30 พฤษภาคม 198501991-02-21 21 กุมภาพันธ์ 1991&&&&&&&&&&&&0307.&&&&&0307&&&&&&&&&&&&0187.&&&&&0187&&&&&&&&&&&&&078.&&&&&078&&&&&&&&&&&&&042.&&&&&042&&&&&&&&&&&&&060.91000060.913 Division One championships, 2 FA Cup, 4 Charity Shields (2 Shared)[19]
โมแรน, รอนนีรอนนี โมแรนธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01991-02-22 22 กุมภาพันธ์ 199101991-04-15 15 เมษายน 1991&&&&&&&&&&&&&010.&&&&&010&&&&&&&&&&&&&&04.&&&&&04&&&&&&&&&&&&&&01.&&&&&01&&&&&&&&&&&&&&05.&&&&&05&&&&&&&&&&&&&040.&&&&&040.00[20][C]
ซูเนสส์, แกรมแกรม ซูเนสส์ธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์01991-04-16 16 เมษายน 199101994-01-28 28 มกราคม 1994&&&&&&&&&&&&0157.&&&&&0157&&&&&&&&&&&&&065.&&&&&065&&&&&&&&&&&&&047.&&&&&047&&&&&&&&&&&&&045.&&&&&045&&&&&&&&&&&&&041.40000041.401 FA Cup[21]
อีแวนส์, รอยรอย อีแวนส์ธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ01994-01-31 31 มกราคม 199401998-11-12 12 พฤศจิกายน 1998&&&&&&&&&&&&0244.&&&&&0244&&&&&&&&&&&&0123.&&&&&0123&&&&&&&&&&&&&063.&&&&&063&&&&&&&&&&&&&058.&&&&&058&&&&&&&&&&&&&050.41000050.411 Football League Cup[22]
อุลลิเยร์, เชราร์เชราร์ อุลลิเยร์ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส01998-07-16 16 กรกฎาคม 199802004-05-24 24 พฤษภาคม 2004&&&&&&&&&&&&0325.&&&&&0325&&&&&&&&&&&&0165.&&&&&0165&&&&&&&&&&&&&081.&&&&&081&&&&&&&&&&&&&079.&&&&&079&&&&&&&&&&&&&050.77000050.772 Football League Cups, 1 FA Cup, 1 UEFA Cup, 1 European Super Cup, 1 Charity Shield[23][D]
เบนิเตซ, ราฟาเอลราฟาเอล เบนิเตซธงของประเทศสเปน สเปน02004-06-16 16 มิถุนายน 200402010-06-03 3 มิถุนายน 2010&&&&&&&&&&&&0350.&&&&&0350&&&&&&&&&&&&0194.&&&&&0194&&&&&&&&&&&&&077.&&&&&077&&&&&&&&&&&&&079.&&&&&079&&&&&&&&&&&&&055.43000055.431 European Cup, 1 FA Cup, 1 European Super Cup, 1 Community Shield[24]
ฮอดจ์สัน, รอยรอย ฮอดจ์สันธงชาติของอังกฤษ อังกฤษ02010-07-01 1 กรกฎาคม 201002011-01-08 8 มกราคม 2011&&&&&&&&&&&&&031.&&&&&031&&&&&&&&&&&&&013.&&&&&013&&&&&&&&&&&&&&09.&&&&&09&&&&&&&&&&&&&&09.&&&&&09&&&&&&&&&&&&&041.94000041.94
ดัลกลิช, เคนนีเคนนี ดัลกลิชธงชาติของสกอตแลนด์ สกอตแลนด์02011-01-08 8 มกราคม 2011ปัจจุบัน&&&&&&&&&&&&&057.&&&&&057&&&&&&&&&&&&&029.&&&&&029&&&&&&&&&&&&&015.&&&&&015&&&&&&&&&&&&&013.&&&&&013&&&&&&&&&&&&&050.88000050.88

[แก้] หมายเหตุ

A^  % ชนะจะปัดเศษเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง
B^  ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของลิเวอร์พูลได้ระบุไว้ว่า บาร์คเลย์ และ แม็คเคนนา เป็นผู้จัดการทีมร่วม โดย บาร์คเลย์ เป็น "ผู้จัดการเลขานุการ" และ แม็คเคนนา เป็น "ผู้จัดการโค้ช"
C^  รอนนี โมแรน เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว แหล่งข้อมูล: lfchistory.net
D^  อุลลิเยร์ ป่วยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2001 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2002, ทำให้ พิล ทอมป์สัน ได้มาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทน (แข่ง 33 ชนะ 16 เสมอ 12 แพ้ 5) โดยสถิติของทอมป์สัน ถูกรวมอยู่ในสถิติของอุลลิเยร์แล้ว

[แก้] เกียรติประวัติ

[แก้] ภายในประเทศ

[แก้] ลีก

[แก้] คัพ

[แก้] ยุโรป

[แก้] ชนะเลิศสองรายการและสามรายการ